ความแตกต่างระหว่าง ISO ต่ำและสูง และการตั้งค่าเพื่อควบคุม Noise โดยไม่ลดคุณภาพภาพ | Knowledge #86

ISO สูงมีประโยชน์อย่างมากในสภาพแวดล้อมที่มืดหรือเมื่อจำเป็นต้องใช้ความเร็วชัตเตอร์สูง เช่น การถ่ายภาพกลางคืนหรือการใช้เลนส์ยาว การตั้งค่า ISO สูงช่วยให้ได้ภาพที่สว่างและคมชัดแม้ถ่ายด้วยมือ

อย่างไรก็ตาม ข้อเสียของ ISO สูงคือการเพิ่มขึ้นของ Noise ซึ่งเห็นได้ชัดในบริเวณที่มืด ทำให้เนื้อสัมผัสและรายละเอียดของภาพลดลง นอกจากนี้ยังอาจทำให้ช่วงไดนามิกแคบลงและการแสดงผลของแสงและเงาถูกจำกัด

ISO ต่ำเหมาะสำหรับการได้ภาพที่คมชัดและสะอาด ในสภาพแวดล้อมที่มีแสงเพียงพอ เช่น กลางแจ้งหรือในสตูดิโอ การตั้งค่า ISO ต่ำช่วยให้ได้ภาพที่ชัดเจนและมี Noise น้อย นอกจากนี้ ISO ต่ำยังมีช่วงไดนามิกที่กว้าง ทำให้สามารถแสดงผลจากแสงสว่างถึงเงาได้อย่างสมบูรณ์ เหมาะสำหรับการถ่ายภาพทิวทัศน์หรือภาพศิลปะ

แต่ในสภาพแวดล้อมที่มีแสงน้อย ความเร็วชัตเตอร์จะช้าลง ทำให้มีความเสี่ยงต่อการสั่นไหวของกล้องหรือการเบลอของวัตถุ

กล้องมีการตั้งค่า "ISO พื้นฐาน" ซึ่งเป็นช่วงที่ให้คุณภาพภาพที่ดีที่สุด การตั้งค่า "ISO พื้นฐาน" หมายถึงช่วงความไวแสงที่เซ็นเซอร์กล้องทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และแนะนำให้ใช้ในช่วงนี้

กล้องประสิทธิภาพสูงรุ่นใหม่บางรุ่นมีเทคโนโลยี "Dual Native ISO" ซึ่งสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในสองช่วงความไวแสงที่แตกต่างกัน สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ "ISO พื้นฐาน" และ "Dual Native ISO" โปรดดูบทความต่อไปนี้

การเลือกการตั้งค่า ISO ที่เหมาะสม จำเป็นต้องเข้าใจฉากการถ่ายภาพและลักษณะของกล้อง ด้านล่างนี้คือแนวทางทั่วไปสำหรับ ISO ในแต่ละสถานการณ์ ปัจจุบันยังมีการตั้งค่า "อัตโนมัติ" ที่สามารถใช้ประโยชน์ได้เช่นกัน มุ่งสู่การถ่ายภาพที่ใช้ประสิทธิภาพของกล้องให้เต็มที่!

🌞 ISO 100~400
ถ่ายในวันที่มีแดดหรือในสตูดิโอที่มีแสงเพียงพอ

☁️ / ☂️ ISO 400~3200
ถ่ายในวันที่มีเมฆหรือฝนตก หรือในเวลากลางคืนที่แสงไม่เพียงพอ

🌚 ISO 3200~
ถ่ายในห้องมืดหรือกลางแจ้งที่ไม่มีแสงไฟ