
cover image by せんべぇ
เมื่อพูดถึงการตั้งค่ากล้อง สิ่งที่มักจะถูกพูดถึงคือ "รูรับแสง" สำหรับผู้เริ่มต้น อาจสงสัยว่ารูรับแสงคืออะไรและควรใช้อย่างไร รูรับแสงเป็นองค์ประกอบสำคัญในการปรับความสว่างของภาพและความเบลอของพื้นหลัง บทความนี้จะอธิบายเรื่องรูรับแสงของกล้องอย่างชัดเจน
พื้นฐานของรูรับแสงคืออะไร?
รูรับแสงคือช่องเปิดที่สามารถปรับได้ภายในเลนส์กล้อง การปรับขนาดของรูรับแสงจะควบคุมปริมาณแสงที่ผ่านเข้าเลนส์ โดยทั่วไป ค่ารูรับแสงจะแสดงเป็น "f値" เช่น "f/1.4" หรือ "f/2.8" ค่าที่น้อยหมายถึงรูรับแสงที่ใหญ่และรับแสงได้มาก ในขณะที่ค่าที่มากหมายถึงรูรับแสงที่เล็กและรับแสงได้น้อย

สรุปได้ว่า การปรับรูรับแสง ความเร็วชัตเตอร์ และ ISO ให้สมดุลกันจะช่วยให้ได้การเปิดรับแสงที่เหมาะสม ต่อไปนี้จะอธิบายรายละเอียดของแต่ละจุด
รูรับแสงและความลึกของภาพ
รูรับแสงมีผลต่อความลึกของภาพ ความลึกของภาพคือช่วงที่โฟกัสในภาพ ค่ารูรับแสงที่น้อย (รูรับแสงใหญ่) จะทำให้ความลึกของภาพตื้นและพื้นหลังเบลอ ซึ่งช่วยให้วัตถุโดดเด่น เหมาะสำหรับการถ่ายภาพบุคคล ในทางกลับกัน ค่ารูรับแสงที่มาก (รูรับแสงเล็ก) จะทำให้ความลึกของภาพลึกและโฟกัสทั่วทั้งภาพ เทคนิคนี้ใช้บ่อยในการถ่ายภาพทิวทัศน์หรือสถาปัตยกรรม


ความสัมพันธ์ระหว่างรูรับแสงและความเร็วชัตเตอร์
การปรับรูรับแสงต้องคำนึงถึงความสมดุลกับความเร็วชัตเตอร์ด้วย เมื่อเปิดรูรับแสงกว้าง (ลดค่ารูรับแสง) จะรับแสงได้มากขึ้น จึงต้องใช้ความเร็วชัตเตอร์ที่เร็วขึ้น ในทางกลับกัน เมื่อปิดรูรับแสงแคบ (เพิ่มค่ารูรับแสง) จะรับแสงได้น้อยลง จึงต้องใช้ความเร็วชัตเตอร์ที่ช้าลง หากไม่สมดุล ภาพอาจสว่างหรือมืดเกินไป

การปรับรูรับแสงและ ISO
ISO ก็ต้องปรับให้เหมาะสมกับรูรับแสงด้วย ISO คือค่าที่บ่งบอกถึงความไวของเซ็นเซอร์กล้องต่อแสง ค่า ISO ต่ำ (เช่น ISO100) หมายถึงเซ็นเซอร์ไวต่อแสงน้อยและมีสัญญาณรบกวนน้อย ค่า ISO สูง (เช่น ISO3200) หมายถึงเซ็นเซอร์ไวต่อแสงมาก สามารถถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดีแต่มีความเสี่ยงที่จะเกิดสัญญาณรบกวนมากขึ้น

วิธีฝึกใช้รูรับแสงให้คล่อง
การฝึกใช้รูรับแสงให้คล่องจำเป็นต้องถ่ายภาพบ่อยๆ เริ่มจากการถ่ายวัตถุเดียวกันด้วยค่ารูรับแสงต่างๆ เพื่อสัมผัสความแตกต่างของความลึกของภาพ จากนั้นลองปรับความเร็วชัตเตอร์และ ISO เพื่อฝึกสมดุลในสภาพการถ่ายภาพต่างๆ

นอกจากนี้ การใช้โหมดรูรับแสงอัตโนมัติ (A หรือ Av) จะช่วยให้คุณตั้งค่ารูรับแสงได้ง่ายขึ้น โดยกล้องจะปรับความเร็วชัตเตอร์ให้อัตโนมัติ เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์และช่วยให้คุณถ่ายภาพได้สวยงาม ลองถ่ายภาพและสนุกกับการทดลองดูนะครับ