
cover image by Tsubasa Mfg
สีสันฝังลึกในชีวิตประจำวันของเราและมีอิทธิพลต่อทุกช่วงเวลา
เมื่อได้ยินคำว่า '青い' และ 'blue' คุณนึกถึงสีเดียวกันหรือไม่
คำที่ต่างกันทำให้การรับรู้สีแตกต่างกัน ในครั้งนี้ เราจะสำรวจความแตกต่างระหว่าง '青い' ในภาษาญี่ปุ่นและ 'blue' ในภาษาอังกฤษ และดูว่ามันปรากฏในภาพถ่ายอย่างไร มาสัมผัสช่วงเวลาที่ทิวทัศน์ที่คุ้นเคยมีเสน่ห์ใหม่จากความแตกต่างของภาษา
日本語の「青い」
ในภาษาญี่ปุ่น คำว่า '青い' มีความหมายกว้างขวาง นอกจากสีน้ำเงินแล้ว ยังใช้กับไฟจราจรสีเขียวและใบไม้สีเขียวอ่อนอีกด้วย การใช้คำนี้ฝังลึกในวัฒนธรรมและมุมมองธรรมชาติของญี่ปุ่น ในภาพถ่าย ทิวทัศน์ญี่ปุ่นมักจะเรียกว่า '青' ไม่เพียงแต่ท้องฟ้าสีครามหรือทะเลสีคราม แต่ยังรวมถึงทิวทัศน์ที่เขียวขจีด้วย

Image by hhhiroooki
ตัวอย่างเช่น ภาพถ่ายของป่าที่เขียวขจีใต้ท้องฟ้าสีคราม สีฟ้าและสีเขียวผสมผสานกันอย่างลงตัว จากมุมมองของชาวญี่ปุ่น ภาพนี้ทั้งหมดอาจรู้สึกว่าเป็น '青い' เนื่องจากองค์ประกอบที่เน้นความสดชื่นและพลังชีวิตของสีฟ้า

Image by fujikko
英語の「Blue」
ในทางกลับกัน คำว่า 'blue' ในภาษาอังกฤษหมายถึงสีน้ำเงินเพียงอย่างเดียว ท้องฟ้าสีฟ้า ทะเลสีฟ้าลึก ทั้งหมดนี้ถูกมองว่าเป็น 'blue' ในภาษาอังกฤษมีการแยกแยะระหว่างสีฟ้าและสีเขียวอย่างชัดเจน โดยใช้คำว่า 'green' และ 'blue' แยกจากกัน ดังนั้น ในญี่ปุ่นที่เรียกว่าไฟจราจรสีฟ้า ในภาษาอังกฤษจะเรียกว่า 'green light' และยอดอ่อนของพืชก็เรียกว่า 'green'

Image by Tsubasa Mfg
ในภาพถ่ายของภาษาอังกฤษ 'Blue' จะเน้นไปที่ท้องฟ้าสีฟ้าและทะเลสีฟ้าเป็นหลัก ในฉากที่มีสีฟ้าและสีเขียวผสมกัน สีเขียวจะถูกมองว่าเป็นสีเขียว และสีฟ้าจะถูกมองว่าเป็นสีฟ้าแยกจากกัน และแต่ละสีจะถูกจัดการเป็นสีที่เป็นอิสระ

Image by nowphotoworks
ความแตกต่างของการแสดงออกในภาพถ่าย
เมื่อถ่ายภาพ การตระหนักถึงความแตกต่างทางภาษาเหล่านี้สามารถทำให้การแสดงสีสันมีความหลากหลายมากขึ้น ตัวอย่างเช่น เมื่อถ่ายภาพโดยคำนึงถึง '青い' ในภาษาญี่ปุ่น ภาพทิวทัศน์สีเขียวหรือใบไม้สีเขียวอ่อนจะถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของสีฟ้า ทำให้เกิดผลงานที่สดชื่นและมีความเป็นเอกภาพ ในทางกลับกัน เมื่อคำนึงถึง 'blue' ในภาษาอังกฤษ การแยกสีฟ้าและสีเขียวอย่างชัดเจนจะทำให้เกิดความโดดเด่นของสีและภาพที่มีความไดนามิก

Image by kyokyo
เหตุผลที่การรับรู้สีแตกต่างกัน
การรับรู้สีพัฒนาขึ้นพร้อมกับวิวัฒนาการของมนุษย์ ในยุคแรก มนุษย์ใช้สีเป็นเบาะแสสำคัญในการล่าสัตว์และเก็บเกี่ยว สีเขียวหมายถึงความปลอดภัย สีแดงหมายถึงอันตราย สีจึงเป็นแหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการอยู่รอด ด้วยเหตุนี้ การรับรู้สีที่แตกต่างกันในแต่ละวัฒนธรรมจึงเป็นเรื่องธรรมดา
ในปัจจุบัน สีมีผลกระทบทางจิตวิทยา สีฟ้าถูกกล่าวว่ามีผลเพิ่มสมาธิ จึงมักใช้ในผนังสำนักงานหรือการออกแบบเว็บไซต์ นอกจากนี้ สีเขียวยังมีผลผ่อนคลายและเน้นความเชื่อมโยงกับธรรมชาติ จึงมักใช้ในคาเฟ่หรือสถานพยาบาล

Image by Tsubasa Mfg
การรับรู้ความแตกต่างของสีผ่านภาพถ่าย
ผ่านภาพถ่าย คุณสามารถรับรู้ความแตกต่างของสีได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น โดยเฉพาะภาพถ่ายดิจิทัลที่สามารถปรับสีได้ง่าย คุณสามารถเปลี่ยนแปลงสีได้ตามต้องการ ตัวอย่างเช่น การเพิ่มความเข้มของสีฟ้าในระหว่างการแก้ไขภาพสามารถทำให้ภาพทั้งหมดมีความเย็นและเงียบสงบ ในทางกลับกัน การเพิ่มความเข้มของสีเขียวจะเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติและทำให้ภาพดูอบอุ่นและมีชีวิตชีวา

Image by S.Yasu Photo
สีสันที่นำมาซึ่งอารมณ์
สีสันยังมีพลังในการปลุกอารมณ์และความทรงจำ การมองท้องฟ้าสีฟ้าสามารถทำให้เกิดความรู้สึกอิสระและความอยากผจญภัยที่ไม่รู้จัก การไล่สีจากฟ้าสู่แดงในยามเย็นทำให้รู้สึกถึงความสงบของวันและความหวังสำหรับวันพรุ่งนี้ ในทางกลับกัน ภาพถ่ายของป่าที่เขียวขจีทำให้เกิดความเงียบสงบและการเยียวยาจากธรรมชาติ

Image by hhhiroooki
ความกว้างขวางของ '青い' ในภาษาญี่ปุ่นแสดงถึงความเชื่อมโยงลึกซึ้งระหว่างภาษาญี่ปุ่นกับธรรมชาติ ท้องฟ้าสีฟ้า ทะเลสีฟ้า และภูเขาและป่าที่เขียวขจี ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของ '青' ที่ฝังอยู่ในใจ
ในทางกลับกัน 'blue' ในภาษาอังกฤษเป็นสีที่มีขอบเขตจำกัดมากกว่า และเน้นความลึกและความบริสุทธิ์ ทะเลสาบสีฟ้าและดอกไม้สีฟ้าทั้งหมดนี้เป็น 'blue' ที่มีความงามเฉพาะตัว
มาสำรวจความแตกต่างนี้ผ่านภาพถ่ายและจับภาพการไล่สีที่หลากหลายยิ่งขึ้น